การตรวจสุขภาพตา ตรวจสายตาอย่างสมบูรณ์ มองผ่านเครื่อง FUNDUS มุมมองดวงตาส่วนในที่คุณไม่เคยเห็น

Jul 04, 2024By Opticare DR+
Opticare DR+

ความสำคัญของการตรวจสุขภาพตาอย่างสมบูรณ์และการตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่อง Fundus


ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต แต่หลายคนยังมองข้ามการตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อยังมองเห็นได้ชัดเจนดีอยู่ จากการสำรวจของ American Optometric Association (AOA) พบว่าคนหนุ่มสาวอายุ 23-38 ปีเกือบครึ่งหนึ่งคิดว่าไม่จำเป็นต้องตรวจตาหากสายตายังปกติอยู่​

Close Up of Young Girl Eye

ความเข้าใจผิดนี้อาจทำให้โรคตาที่ซ่อนอยู่ไม่ได้รับการตรวจพบจนสายเกินไป ตัวอย่างเช่น โรคต้อหิน (Glaucoma) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น “โจรขโมยสายตาเงียบ” เพราะไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก – มีข้อมูลว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยต้อหินไม่รู้ตัวว่าตนเป็นโรคนี้จนกระทั่งการมองเห็นถูกทำลายไปบางส่วนแล้ว​

การตรวจตาโดยละเอียดสามารถช่วยให้พบโรคเหล่านี้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก่อนที่อาการจะแย่ลงและส่งผลเสียต่อการมองเห็น​

ดังนั้น การเข้ารับการตรวจสุขภาพตาอย่างสมบูรณ์เป็นระยะ รวมถึงการตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่อง Fundus camera จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสุขภาพดวงตาและการมองเห็นในระยะยาว

Futuristic eye

ความสำคัญของการตรวจสุขภาพตาอย่างสมบูรณ์

การตรวจสุขภาพตาที่สมบูรณ์แบบ (Comprehensive eye exam) คือการตรวจดวงตาโดยละเอียดทุกขั้นตอนโดยหมอเฉพาะทางด้านสายตาที่เชี่ยวชาญหรือจักษุแพทย์ ซึ่งนอกเหนือจากการตรวจวัดค่าสายตาแล้ว ยังรวมถึงการประเมินโครงสร้างและการทำงานของดวงตาทั้งหมด ตัวอย่างขั้นตอนในการตรวจตาอย่างครบถ้วน ได้แก่:

    • ตรวจค่าสายตาและความคมชัด (Visual acuity & refraction): ทดสอบการมองเห็นในระยะต่างๆ และวัดว่าต้องใช้เลนส์แก้ไขสายตาหรือไม่
    • ตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อตา: ตรวจว่าตาทั้งสองข้างทำงานประสานกันได้ดีเพียงใด รวมถึงการกรอกตาและการเคลื่อนไหวของตา
    • วัดความดันลูกตา (Tonometry): ตรวจวัดความดันภายในลูกตาเพื่อคัดกรองภาวะต้อหิน
    • ส่องตรวจส่วนหน้าของตา: ใช้กล้องจุลทรรศน์ Slit Lamp ตรวจเปลือกตา เยื่อบุตา กระจกตา ม่านตา และเลนส์ตา เพื่อหาความผิดปกติ เช่น ต้อกระจกหรือการอักเสบ
    • ตรวจจอประสาทตา: หยอดยาขยายม่านตาเพื่อให้มองเห็นจอประสาทตา ขั้วประสาทตา และหลอดเลือดในตาอย่างชัดเจน ตรวจหาความผิดปกติ เช่น จุดเลือดออกหรือหลอดเลือดผิดปกติจากเบาหวาน, รอยโรคจากจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
Empty ophthalmological office

การตรวจอย่างครอบคลุมเช่นนี้ช่วยให้หมอสามารถประเมินสุขภาพดวงตาได้รอบด้าน และตรวจจับความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ได้ตั้งแต่ระยะแรก โรคตาร้ายแรงหลายชนิด เช่น ต้อหิน, ต้อกระจก, และจอประสาทตาเสื่อม มักไม่แสดงอาการจนกว่าโรคจะอยู่ในขั้นรุนแรง การตรวจตาอย่างครบถ้วนทำให้สามารถพบโรคเหล่านี้ได้แต่เนิ่นๆ และเริ่มรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่จะนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างมาก​

นอกจากนี้ การตรวจตายังช่วยเปิดเผยความผิดปกติบางอย่างของร่างกายที่อาจแสดงออกผ่านดวงตาได้ด้วย มีรายงานว่าสามารถตรวจพบสัญญาณเตือนของโรคระบบเรื้อรังต่างๆ ได้มากกว่า 270 โรคจากการตรวจตา รวมถึงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งสามารถแสดงอาการผ่านการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดในจอประสาทตา

ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาแนะนำให้ทุกคนเข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำตามช่วงเวลาที่เหมาะสม แม้ในขณะที่ยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ โดยตามคำแนะนำของ AOA ผู้ที่อายุ 18–64 ปีและไม่มีปัญหาสายตาควรตรวจตาอย่างน้อยทุก 2 ปี ครั้ง ส่วนผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปควรตรวจทุก 1 ปี​

ทั้งนี้หากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุเกิน 40 ปี, เป็นโรคเบาหวาน/ความดัน, หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน ก็ควรเข้ารับการตรวจบ่อยขึ้น (เช่น ตรวจทุกปีแม้อายุยังไม่ถึง 65 ปี)

Ophthalmologist examining patient's eyes

ความแตกต่างระหว่างการตรวจที่ร้านแว่นทั่วไปกับร้านที่มีเครื่อง Fundus

ในการตรวจสายตาที่ ร้านแว่นทั่วไป (เช่น ร้านจำหน่ายแว่นตาเชิงพาณิชย์) กระบวนการตรวจมักจำกัดการตรวจเพียงการวัดสายตาและหาความคมชัดเพื่อขายเลนส์หรือคอนแทคเลนส์เท่านั้น โดยไม่มีการตรวจสุขภาพส่วนอื่นของดวงตาอย่างละเอียด เช่น การส่องตรวจตาด้วย Slit Lamp หรือการถ่ายภาพจอประสาทตา ดังนั้นโรคหรือความผิดปกติหลายอย่างอาจถูกมองข้ามไป การตรวจที่ประเมินแค่ความสามารถในการมองเห็น (ความคมชัดของสายตา) อย่างเดียวไม่สามารถตรวจจับโรคตาส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้เลย

ตรงกันข้าม ร้านหรือคลินิกที่มีเครื่อง Fundus camera (กล้องถ่ายภาพจอประสาทตา) และอุปกรณ์ตรวจตาที่ครบครัน มักมีผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาประจำอยู่และให้บริการตรวจสุขภาพตาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่า นอกเหนือจากการวัดสายตาเบื้องต้นแล้ว ยังมีการส่องตรวจตาด้วย Slit Lamp และถ่ายภาพจอประสาทตาเพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในดวงตา การตรวจลักษณะนี้ทำให้สามารถค้นหาโรคตาต่างๆ ได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ เช่น พบจุดเลือดออกเล็กๆ จากเบาหวานขึ้นจอประสาทตา, สัญญาณระยะแรกของจอประสาทตาเสื่อม, หรือความผิดปกติที่ขั้วประสาทตาซึ่งบ่งชี้ถึงต้อหิน เป็นต้น เมื่อค้นพบได้เร็วก็สามารถส่งต่อเพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที ต่างจากร้านแว่นทั่วไปที่อาจไม่สามารถตรวจพบสิ่งเหล่านี้เลย

ประโยชน์ของเครื่อง Fundus และ Slit Lamp ในการวินิจฉัยโรคตา

      • เครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus Camera)
        Fundus camera เป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพความละเอียดสูงของพื้นผิวด้านหลังดวงตา (บริเวณจอประสาทตา) ทำให้หมอมองเห็นรายละเอียดของจอตา ขั้วประสาทตา และหลอดเลือดในตาได้อย่างชัดเจน ภาพถ่ายจอประสาทตานี้มีประโยชน์อย่างมากในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับจอตาและประสาทตาหลายชนิด เช่น เบาหวานขึ้นจอประสาทตา, ต้อหิน, และจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากสามารถแสดงความผิดปกติเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในจอตาได้อย่างชัดเจน​

นอกจากนี้การถ่ายภาพจอตายังช่วยให้เก็บบันทึกสภาพจอตาของผู้ป่วยไว้เปรียบเทียบในอนาคต โดยหมอสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละน้อยตามกาลเวลาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น​

การตรวจด้วยเครื่อง Fundus ทำได้รวดเร็ว ไม่เจ็บตัว ผู้รับการตรวจเพียงจ้องมองเข้าไปในกล้องเพื่อให้ได้ภาพถ่าย ดังนั้นเครื่องมือนี้จึงมีบทบาทสำคัญทั้งในการวินิจฉัยโรคจอตาและในการตรวจคัดกรองโรคตาในเชิงป้องกัน

      • กล้อง Slit Lamp
        กล้องสลิตแลมป์ (Slit Lamp) คือกล้องจุลทรรศน์สำหรับตรวจตาที่ให้กำลังขยายสูงและใช้ลำแสงสว่างแบบแคบในการส่องผ่านเข้าไปในดวงตา สามารถใช้กล้องชนิดนี้ตรวจดูโครงสร้างต่างๆ ของดวงตาได้แทบทุกส่วน ตั้งแต่เปลือกตา เยื่อบุตา กระจกตา ม่านตา เลนส์ตา น้ำวุ้นตา ไปจนถึงจอประสาทตาด้านในสุด​

การตรวจด้วย Slit Lamp ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจตาโดยมาตรฐาน เพราะช่วยให้ตรวจพบโรคและความผิดปกติได้หลากหลาย เช่น อาการตาแห้ง, เยื่อบุตาอักเสบ, จอตาลอก, จอประสาทตาเสื่อม, ต้อกระจก และอื่นๆ อีกมากมาย​

กล้อง Slit Lamp ช่วยให้หมอมองเห็นความผิดปกติขนาดเล็กที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรืออุปกรณ์ธรรมดาได้อย่างละเอียด เช่น จุดขุ่นเล็กๆ ในกระจกตาหรือเลนส์ตาซึ่งเป็นสัญญาณของต้อกระจกระยะแรก หรือลักษณะขั้วประสาทตาที่ผิดปกติซึ่งบ่งบอกถึงต้อหิน ด้วยเหตุนี้ Slit Lamp จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคตา

สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับโรคตาที่ตรวจพบได้จากการตรวจจอประสาทตา


การตรวจจอประสาทตาช่วยให้เราสามารถวินิจฉัยความผิดปกติหลายชนิดของดวงตาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ต่อไปนี้เป็นสถิติที่น่าสนใจของโรคตาบางประเภทซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจจอตา:

Sick eyes
  • ต้อหิน (Glaucoma): โรคต้อหินไม่มีอาการเด่นชัดในระยะเริ่มต้น และเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นถาวร ข้อมูลทางการแพทย์พบว่าประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นต้อหินไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตนมีโรคนี้​

การตรวจจอประสาทตาเพื่อดูขั้วประสาทตาร่วมกับการวัดความดันตาเป็นวิธีหลักในการคัดกรองต้อหินตั้งแต่ยังไม่มีอาการ

  • เบาหวานขึ้นจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy): เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่จอตา และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการตาบอดในวัยทำงาน​


งานวิจัยในวารสาร JAMA Ophthalmology ปี 2021 พบว่าประมาณ 26% ของผู้ป่วยเบาหวานมีสัญญาณของเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และราว 5% มีความรุนแรงในระดับเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น​

อย่างไรก็ตาม มากกว่า 90% ของกรณีสูญเสียการมองเห็นจากโรคนี้สามารถป้องกันได้หากมีการตรวจพบและรักษาแต่เนิ่นๆ​ (เช่น รักษาด้วยเลเซอร์หรือยาฉีดเข้าในตาตั้งแต่ระยะก่อนลุกลาม)

  • โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related Macular Degeneration - AMD): พบโรคนี้ประมาณ หนึ่งในแปด ของประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นตรงกลางอย่างถาวรในผู้สูงอายุ​

มีการประมาณว่าทั่วโลกมีผู้ป่วย AMD ราว 200 ล้านคน ในปี 2020 และจำนวนดังกล่าวอาจเพิ่มเป็นเกือบ 300 ล้านคน ภายในปี 2040​

การตรวจจอประสาทตาสามารถคัดกรองและติดตามความก้าวหน้าของโรคนี้ได้ หากพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมและการรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของจอตา ซึ่งช่วยป้องกันหรือลดความรุนแรงของการสูญเสียการมองเห็นในส่วนกลางของภาพ


สรุป: การตรวจสุขภาพดวงตาอย่างสมบูรณ์เป็นประจำ (รวมถึงการตรวจจอประสาทตาด้วย Fundus camera) ถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะช่วยให้เรารักษาการมองเห็นที่ดีไว้ได้ไปนานๆ ไม่เพียงป้องกันโรคตาที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังอาจตรวจพบปัญหาสุขภาพอื่นๆ ของร่างกายได้ด้วย การเข้ารับการตรวจสายตาและตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ (เช่น ปีละครั้ง) จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย อย่ารอจนมีอาการผิดปกติจึงค่อยไปพบแพทย์ เพราะการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยปกป้องดวงตาคู่สำคัญของเราให้คงความแจ่มชัดไปได้อีกยาวนาน

-------------------------------------------------
OPTICARE DR+ ราชพฤกษ์
โครงการ Village Hub ติดกับโรบินสันราชพฤกษ์ Bquik เลี้ยวเข้ามาซ้ายมือ
โลเคชั่น https://maps.app.goo.gl/7D4jqGADPA6WiYTk8
จองคิวตรวจสายตาตรวจสุขภาพตาโดยคุณหมอสายตา (Optometrist) ที่เชียวชาญโดยตรง
ติดต่อเรา 02-128-0156
เปิดบริการ ทุกวัน
ทุกวัน 11.00-20.00 น.
หรือ https://linktr.ee/opticaredr
Official Website : https://opticaredr.com
#OpticareDR #บทความน่ารู้ #ร้านแว่นตาราชพฤกษ์ #ร้านแว่นโดยหมอสายตา #ร้านแว่นตาปากเกร็ด

แหล่งที่มา:
aoa.org
​hally.com
​retinaconsultantsofamerica.com
​eyecaregroup.org
​aoa.org
​retinaconsultantsofamerica.com
​powerseyecenter.com
​my.clevelandclinic.org
​my.clevelandclinic.org
​mountsinai.org
​powerseyecenter.com
​cdc.gov
​preventblindness.org
​cdc.gov
​pmc.ncbi.nlm.nih.gov

 Birmingham Optical - The Optical Company