เมื่อจุดรับภาพชัดกลายเป็นจุดบอด: เคส Central Blindness ที่ OPTICARE DR+
เมื่อจุดรับภาพชัดกลายเป็นจุดบอด: เคส Central Blindness ที่ OPTICARE DR+
"Central Blindness" หรือภาวะสูญเสียการมองเห็นบริเวณกลางภาพ อาจเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้จัก แต่กลับสร้างผลกระทบมหาศาลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกับดวงตาข้างใดข้างหนึ่งหรือแม้แต่ทั้งสองข้าง

กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงในศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟ OPTICARE DR+ ครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของการตรวจสุขภาพตาอย่างละเอียด และการวัดสายตาโดยผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้มีภาวะซับซ้อนทางสายตาได้อย่างไร
Central Blindness คืออะไร?
ภาวะนี้เกิดจากการสูญเสียการมองเห็นบริเวณ macula หรือจุดรับภาพชัดของจอประสาทตา ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้ในการจ้องมองรายละเอียดของวัตถุ เช่น ตัวหนังสือ หรือใบหน้า ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถมองเห็นภาพส่วนกลางได้ชัดเจน แม้ว่าส่วนรอบข้างจะยังพอใช้งานได้อยู่
สาเหตุของภาวะนี้มีหลากหลาย ได้แก่:
- Age-Related Macular Degeneration (AMD)
- Macular hole
- Diabetic macular edema
- Infectious retinochoroiditis เช่น การติดเชื้อพยาธิในดวงตา (เช่น Toxoplasmosis)
ในเคสนี้ คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผลจากการติดเชื้อพยาธิในดวงตา ซึ่งส่งผลให้เกิดพังผืดและรอยโรคบริเวณ macula ด้านซ้าย

รู้จักโรค "พยาธิขึ้นตา" (Ocular Toxoplasmosis)
หนึ่งในสาเหตุสำคัญของ Central Blindness คือการติดเชื้อพยาธิ Toxoplasma gondii ซึ่งก่อให้เกิดโรค Ocular Toxoplasmosis โดยพยาธิชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคอาหารดิบหรือไม่สุก เช่น เนื้อสัตว์ ผักที่ล้างไม่สะอาด หรือการสัมผัสอุจจาระแมวที่มีตัวอ่อนของพยาธิอยู่
เมื่อพยาธิเข้าสู่ร่างกายและแพร่เข้าสู่จอประสาทตา จะทำให้เกิดการอักเสบที่เรียกว่า retinochoroiditis และทิ้งรอยแผลเป็นถาวรไว้ที่บริเวณ macula ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ ซึ่งบางรายอาจมีอาการเฉียบพลัน เช่น ตามัว มีแสงแฟลชในตา หรือเห็นเงาดำลอยไปมา (floaters)
เพื่อป้องกันการติดเชื้อพยาธิ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อหมูและเนื้อแกะ ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสกับดินหรือกระบะทรายแมว การดูแลสุขอนามัยและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเล็กๆ เหล่านี้ จะช่วยปกป้องดวงตาของคุณจากโรคที่อาจส่งผลร้ายแรงได้ในระยะยาว

การเข้ารับบริการที่ OPTICARE DR+
คนไข้รายนี้ค้นหาร้านแว่นที่เชี่ยวชาญในการตรวจวัดสายตาแบบซับซ้อนผ่าน Google Maps และเลือก OPTICARE DR+ เนื่องจากต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง ซึ่งทางทีมหมอสายตาของศูนย์ได้ประชุมวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียด เพื่อเตรียมการตรวจให้เหมาะสมกับเคสเฉพาะนี้
เมื่อมาถึง คุณหมอสายตาเริ่มด้วยการซักประวัติอย่างละเอียด ก่อนเข้าสู่กระบวนการตรวจสุขภาพตา โดยใช้เครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus Camera) พบว่า macula ของตาซ้ายมีพังผืดและรอยโรคลุกลามจากพยาธิ ส่งผลให้การมองเห็นบริเวณกลางภาพหายไป

การวัดสายตา: ความแม่นยำที่ไม่ใช่แค่ตัวเลข
คุณหมอสายตาเริ่มตรวจค่าสายตาที่ตาข้างขวาซึ่งยังใช้งานได้ดี ผลวัดคือ VA 20/20 ทั้งระยะไกลและใกล้ จากนั้นจึงตรวจตาข้างซ้าย ซึ่งแม้จะสูญเสียการมองเห็นกลางภาพ แต่ยังสามารถอ่านตัวอักษรได้ถึงระดับ VA 20/25^-2 ขณะหันศีรษะ และมีการใช้ Amsler Grid เพื่อประเมินผลกระทบของรอยโรคบริเวณ macula อย่างละเอียด
การทดสอบ Visual Field ด้วย Confrontation Visual Field Test ยืนยันว่าเขตที่สูญเสียการมองเห็นมีความกว้างและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตสูง
การเลือกเลนส์และการให้คำแนะนำ
ทีมหมอสายตาได้ออกแบบค่าสายตาโดยเน้นตาข้างที่ยังมองเห็นได้ดี และเลือกเลนส์ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดบริเวณขอบภาพ ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ป่วยใช้ทดแทนจุดรับภาพเดิม พร้อมแนะนำให้ติดตามสุขภาพตาและถ่ายภาพ Fundus เป็นประจำทุกปี

ข้อคิดจากเคสนี้: มองเห็นไม่เท่ากับมองชัด
การมีการมองเห็นรอบข้างที่พอใช้ได้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากจุดรับภาพชัดของคุณหายไป แม้จะไม่มืดสนิทแต่คุณภาพของชีวิตก็ลดลงอย่างมาก เพราะการอ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การมองใบหน้าคนรัก อาจกลายเป็นเรื่องยาก
คุณเคยเช็คหรือไม่ว่า...คุณยังเห็นภาพตรงกลางชัดอยู่หรือเปล่า?
การตรวจสุขภาพตาโดยเฉพาะจอประสาทตา (Retinal Screening) เป็นสิ่งที่ร้านแว่นตาทั่วไปอาจไม่มีเครื่องมือรองรับ หรือไม่มีความเชี่ยวชาญพอในการวิเคราะห์ หากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการเห็นมัว เห็นภาพบิดเบี้ยว หรือเหมือนมีเงาดำบังกลางภาพ ควรพบผู้เชี่ยวชาญทันที
งานวิจัยจาก National Eye Institute (NEI) ระบุว่าโรคจอประสาทตากลางเสื่อมเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการสูญเสียการมองเห็นถาวรในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ตรวจสุขภาพตาอย่างต่อเนื่อง (NEI, 2021)

นอกจากการตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอแล้ว การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก็มีผลอย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตา เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน วิตามินซี และโอเมก้า-3 จากผักใบเขียวเข้ม ปลาแซลมอน แครอท และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรง การใช้สายตากับหน้าจอนานโดยไม่พัก รวมถึงการสูบบุหรี่ที่ส่งผลเสียต่อจอประสาทตาอย่างรุนแรง
เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ การดูแลตั้งแต่วันนี้คือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้า
ให้ OPTICARE DR+ ดูแลสายตาที่มีค่าของคุณ
ที่ OPTICARE DR+ เราไม่ใช่เพียงร้านแว่น แต่เป็นศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟที่มีทีมหมอสายตาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตาโดยเฉพาะ พร้อมเครื่องมือตรวจที่ทันสมัย และมาตรฐานการวัดค่าสายตาระดับสูง เรารู้ว่าดวงตาไม่ใช่แค่เรื่องของเลนส์ แต่คือคุณภาพชีวิตที่ต้องดูแลอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ของการตรวจที่แม่นยำ เลนส์ที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และคำแนะนำเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

อย่ารอให้ดวงตาส่งสัญญาณเตือน มาตรวจสุขภาพตากับเราอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะเมื่อจุดรับภาพชัดหายไป...ไม่มีเลนส์ใดแทนที่ได้
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม และนัดหมายตรวจได้ที่ www.opticaredr.com
#CentralBlindness #MacularDegeneration #ตรวจสุขภาพตา #ร้านแว่นที่มีหมอสายตา #OPTICAREDR